aaa
 
หน้าแรก | ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมงานบุญ | ติดต่อกับผู้ผลิต | 
ค้นหาผลิตภัณฑ์  
 
 
 
 
 
ข้าวกล้องเพาะงอกเบญจกระยาทิพย์
ที่มาของกาแฟ
กระดูกอ่อนฉลามและคอลลาเจน
ที่มาของรังนก
INS 401 คืออะไร
คารายากัม คืออะไร
งานวิจัยซุปไก่สกัด
กลูตาไธโอนคืออะไร
ความเป็นมาของกำลังช้างสาร
สรรพคุณของโชวู
Coenzyme Q10 คืออะไร
โสมกับสุขภาพ
ประโยชน์ของตังถั่งเช่า
สรรพคุณของจับเลี้ยง
ความเป็นมาของทุเรียน
ความเป็นมาของเห็ดหลินจือ
ความเป็นมาของเห็ดไมตาเกะ
ความเป็นมาของตังกุย
ประโยชน์ของเห็ดจีซง
ถาม - ตอบ เรื่องเอนไซม์
ประวัติของโรคเบาหวาน
ความเป็นมาของน้ำมันมะพร้าว
ประโยชน์ของเขากวางอ่อน
ประโยชน์ของผลส้มแขก
ประโยชน์ของจันทน์เทศ
ประโยชน์ของชาใบหม่อน
คุณค่าของมะรุม
ความเป็นมาของผลหม่อน
ประโยชน์ของเมล็ดองุ่นแดง
สรรพคุณของดอกคำฝอย
สรรพคุณของไข่มุก
สรรพคุณของโกฐหัวบัว
สรรพคุณของโกฐเขมา
สรรพคุณของอึ้งคี้หรือปักคี้
สรรพคุณของกำลังวัวเถลิง
สรรพคุณของกำลังหนุมาน
สรรพคุณของกระชายดำ
สรรพคุณของแปะก๊วย
ประโยชน์ของม้าน้ำ
ความเป็นมาของผักชีลาว
สรรพคุณของดอกอัญชัน
สรรพคุณของดอกทองพันชั่ง
สรรพคุณของว่านหางจระเข้
สรรพคุณของใบบัวบก
สรรพคุณของนมผึ้ง
สรรพคุณของต้นไหลเผือก
สรรพคุณของพลูคาว
ความเป็นมาขององุ่น
สรรพคุณของมังคุด
สรรพคุณของหัวไชเท้า
คุณสมบัติของต้น Wicth Hazal
 
 
 
 
 
 
เครื่องดื่มชนิดผงพร้อมชง
และเครื่องดื่มชนิดน้ำพร้อมดื่ม
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งชนิดน้ำ
พร้อมดื่ม และชนิดแคปซูล
บรรจุแผง / ขวด
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำสมุนไพรจีนสกัด ตรา "Tai How "
ปริมาตรสุทธิ : 730 มิลลิลิตร / ขวด
เลข ทะเบียน อย.
 
 
น้ำสมุนไพรจีนสกัด สำหรับสุภาพสตรี ตรา Tai How บรรจุ 730 C.C. / ขวด
 
 
เกร็ดน่ารู้สมุนไพร  สำหรับท่านสุภาพสตรี
 
ชื่อสมุนไพร สรรพคุณ
 
 
C โสมคน
  Panax Ginseng (C.A.MEY)
 
 
 
 
C ตังกุย
  Angelica Sinensis (OLIV.)
 
 
 
A เซ็กตี่
   Rehmannia Glutinosa
 
 
 
C โต๋วต๋ง
   Eucommia Ulmoides (OLIV.)
 
 
 
A โกฐหัวบัว
    Coino solinum
    Unvittatum Turcz
 
 
 
B โหงวบี
   Schisandra Chinessis Baill
 
 
 
A ปักคี้
   Astragalus Membranacaus
 
 
 
C ฮกเหลง
   Poria Cocos Wolf
 
 
 
C เน็กกุย
   Cinnamomum Easoia
 
 
 
C ไข่มุก
    Pteria Margaritifera (L.)
 
 
 
A แป๊ะตุ๊ก
  Atractylodes
 
 
 
D ซกต่วง
   Dipsacus
 
 
 
B งู่ฉิก
   Achyranthes Bidentata
   Blume  
 
 
 
 
เป็นยาบำรุงกำลังชั้นดี ช่วยให้สมองแจ่มใส
แก้อาการเหนื่อยอ่อนแรง 
บำรุงกระเพาะอาหาร ลดน้ำตาลในเลือด  
ลดอาการช็อคจากโรคภูมิแพ้
และยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็ง
 
 
ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต แก้บวม
ปวดประจำเดือน ประจำเดือนมาไม่ปกติ 
 
 
 
บำรุงโลหิต  บำรุงไต  บำรุงไขกระดูก 
ป้องกันร้อนใน กระหายน้ำ  ป้องกันการเจ็บฟัน
เหงือกอักเสบ  และป้องกันเลือดกำเดาไหล
 
 
บำรุงตับ ไต ช่วยให้เอ็นและกระดูกแข็งแรง
แก้ปวดหลัง  ช่วยขับปัสสาวะ
 
 
 
ระงับประสาท ลดอาการกล้ามเนื้อเกร็ง
ขยายหลอดเลือด ช่วยไม่ให้เครียด
ทำให้หลับลึก หลับนาน 
 
 
บำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท บำรุงปอด 
ช่วยให้ร่างกายสดชื่น แข็งแรง
 
 
 
บำรุงหัวใจ บำรุงเลือดลม เสริมภูมิต้านทานโรค
แก้อาการหน้าซีด  หอบ อ่อนล้า ไม่มีเรี่ยวแรง 
และช่วยบำรุงกระเพาะปัสสาวะ 
 
 
บำรุงร่างกาย ระงับประสาท ขับปัสสาวะ
และเสริมสมรรถภาพทางเพศ
 
 
 
บำรุงหัวใจ ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของโลหิต
ทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง
 
 
 
รักษาแผล ลดรอยแผลเป็น
ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่น   
ช่วยให้ผิวขาวใสนุ่มเนียน
และเสริมสมรรถภาพของสายตา
 
บำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยระบบการย่อยอาหาร
ท้องไม่อืดเฟ้อ และช่วยขับปัสสาวะ
 
 
 
 
ช่วยระบบการไหลเวียนโลหิต บำรุงเส้นเอ็น
ช่วยกระจายเลือดคั่ง  ทำให้กระฉับกระเฉง 
มีกำลังไม่อ่อนเพลีย
 
 
บำรุงตับ ไต กระดูกและเส้นเอ็น
ช่วยกระจายเลือดคั่ง 
ลดอาการปวดบวม อาการฟกช้ำ 
 
 
เอกสารอ้างอิง
A คัดลอกจาก หนังสือ 100 ยาจีน บำรุงสุขภาพ แปลโดย อดุลย์ รัตนมั่นเกษม
B คัดลอกจาก หนังสือ 100 ยาจีน อายุวัฒนะ แปลโดย อดุลย์ รัตนมั่นเกษม
C คัดลอกจาก หนังสือยาจีน (คู่มือสมุนไพรและตำรายาบำรุงของจีน)
   แปลโดย วีระชัย มาศฉมาดล และทัศนีย์ เมฆอริยะ
D คัดลอกจาก จงกว๋อ เฮี้ยว วู้ ด้า เซวียน
  (หนังสือซึ่งรวบรวมสาระสำคัญในตัวยาสมุนไพรจีนแผนโบราณ ไว้ทั้งหมด)
  รวบรวมโดย สมาคมแพทย์แผนโบราณในประเทศจีน
 

 
อาการตกขาว คืออะไร
 
ตกขาวคืออะไร?
ตกขาว (Leucorrhoea หรือ Vaginal Discharge) คือ ภาวะที่มีของเหลว ลักษณะขาวใส หรือ มูกใสสีขาวปริมาณเล็กน้อย
ไหลออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเป็นภาวะปกติที่เกิดจากเยื่อบุผิวผนังด้านในช่องคลอดจะสร้างเยื่อเมือก
ซึ่งมีลักษณะคล้ายแป้งออกมาเพื่อช่วยหล่อลื่นช่องคลอด รวมถึง ช่วยป้องกันเชื้อโรคและขับสิ่งแปลกปลอมออกมาจากช่องคลอด
สำหรับอาการที่มีเมือกเหลวไหลออกมาจากช่องคลอดของผู้หญิงโดยไม่ใช่เลือดประจำเดือน เมือกนี้ถูกขับออกจากปากมดลูก
มายังช่องคลอด เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้บริเวณช่องคลอด และช่วยป้องกันการติดเชื้อภายในช่องคลอด โดยตกขาวปกติจะมีสีขาวหรือใส และไม่มีกลิ่นเหม็น ส่วนตกขาวที่มีสีเทา สีเขียว สีเหลือง สีชมพู หรือมีเลือดปน และส่งกลิ่นเหม็นคล้ายเนื้อเน่า จะเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นภายใน
 
ตกขาวเกิดขึ้นในช่วงไหนได้บ้าง?
โดยปกติ เมือกใสนี้จะถูกขับออกมาในแต่ละรอบเดือน ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน
และโปรเจสเตอโรนในร่างกายเปลี่ยนแปลงสภาพไป เช่น ในช่วงกลางของรอบเดือนช่วงเวลาใกล้ไข่ตกน้ำเมือก
ในช่องคลอดจะเหลวใส ปริมาณมาก ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ น้ำเมือกจะขุ่นข้นคล้ายแป้ง
ซึ่งมีปริมาณมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ซึ่งอาการนี้เป็นอาการตกขาวปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้ในสตรีทุกคน
ในช่วงเวลาไข่ตกหรือใกล้มีรอบเดือนนั่นเอง
 
อาการแบบไหนที่เรียกว่าตกขาวผิดปกติ?
อาการตกขาวผิดปกติ คือ ภาวะที่น้ำเมือกมีลักษณะแตกต่างไปจากเดิม เช่น มีปริมาณขาวขุ่นมากผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น
และเป็นอยู่นาน รวมถึงตกขาวที่มีสีผิดปกติ เช่น ปนมูกเลือด ปนหนอง มีสีกลิ่นผิดปกติ มีฟอง บางรายมีกลิ่นเหม็นคาว
เหม็นเน่า มีกลิ่นอับ เหม็นเค็มคล้ายปลาเค็ม หรือ กลิ่นเหม็นเปรี้ยว ร่วมกับอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น มีอาการคัน
มีอาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณปากช่องคลอด ปวดท้องน้อย หรือมีอาการปัสสาวะแสบขัด หากเป็นแล้วควรพบแพทย์ทันที
 
อาการของตกขาว
สีของตกขาวสามารถบ่งบอกสาเหตุและอาการปกติได้ดังนี้
** ตกขาวปกติ**
- มีสีขาวหรือใส และไม่มีกลิ่นเหม็น
- ตกขาวจะใสและมีปริมาณมากในช่วงวันที่มีการตกไข่ ส่วนในช่วงที่เป็นประจำเดือน ตกขาวจะหนาและเหนียวข้น
- ในระหว่างการตั้งครรภ์ ผู้หญิงจะมีตกขาวมากกว่าปกติ
- หลังวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงจะมีตกขาวน้อยลง
** ตกขาวที่ผิดปกติ **
- มีสีที่ต่างไปจากเดิม เช่น สีเทา สีเขียว สีเหลือง สีชมพู สีน้ำตาลหรือตกขาวมีเลือดปน
  และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ คล้ายกลิ่นเนื้อหรือปลาเน่า
- ตกขาวเป็นก้อนหนา หรือมีตกขาวมากผิดปกติ
- มีอาการอื่นปรากฏร่วมกับตกขาว เช่น มีอาการคันหรือเจ็บปวดบริเวณปากช่องคลอด
  เจ็บปวดตอนปัสสาวะ มีเลือดที่ไม่ใช่ประจำเดือนไหลออกจากช่องคลอด
 
การวินิจฉัยตกขาว
ปกติแล้ว อาการตกขาวเป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเพศหญิง แต่หากพบว่ามีตกขาวที่ผิดปกติ
ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา โดยแพทย์จะซักประวัติสุขภาพ การรักษา การใช้ยา
การเจ็บป่วยที่ผ่านมาหรือที่เป็นอยู่ ประวัติการมีเพศสัมพันธ์ และสอบถามเกี่ยวกับอาการตกขาวที่พบ
เช่น สีและกลิ่นของตกขาว อาการที่พบร่วมกับตกขาว อย่างอาการคัน เจ็บปวด
หรือมีแผลบริเวณช่องคลอด และช่วงเวลาที่เริ่มมีตกขาวผิดปกติ
หากพบสัญญาณความผิดปกติ แพทย์จะตรวจร่างกายภายใน
แล้วจึงนำตัวอย่างตกขาวไปตรวจ หรืออาจใช้วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Test)
ในกรณีที่สงสัยว่าอาจป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งแพทย์จะใช้เครื่องมือสอดเข้าทางช่องคลอด
เพื่อป้ายเซลล์จากบริเวณปากมดลูกแล้วส่งตรวจตัวอย่างเนื้อเยื่อหาการติดเชื้อ
 
ภาวะแทรกซ้อนของตกขาว
ตกขาวที่ผิดปกติอาจมีอาการที่แสดงออกมาเนื่องจากการติดเชื้อและการเจ็บป่วยของโรค เช่น
- คัน บวม เจ็บปวด หรือมีแผลบริเวณช่องคลอดและปากช่องคลอด
- มีเลือดที่ไม่ใช่เลือดประจำเดือนไหลออกมาจากช่องคลอด
- เจ็บปวดในขณะปัสสาวะ ปวดบริเวณท้องน้อย
- เจ็บปวดในขณะมีเพศสัมพันธ์
- การติดเชื้ออาจแพร่จากแม่สู่ลูกได้ในการคลอด
- การติดเชื้ออาจแพร่ลามไปยังอวัยวะในระบบสืบพันธุ์อื่น ๆ อาจทำให้เกิดภาวะมีลูกยาก
- การติดเชื้ออาจทำให้เกิดการอักเสบลุกลาม เรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างรุนแรงในระบบสืบพันธุ์
   เช่น มดลูก และรังไข่
- ตกขาวที่เกิดจากการมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในมดลูกหรือช่องคลอด
- อาจนำไปสู่อาการช็อกเฉียบพลันจากการที่พิษเข้าสู่กระแสเลือด (Toxic Shock Syndrome)
  ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
 
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.pobpad.com/ตกขาว
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.honestdocs.co/what-is-the-smell-of-vaginal-discharge
 

 
ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ความหมาย ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
Dystonia หรือภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อมีการเคลื่อนไหวผิดปกติโดยไม่สามารถควบคุมได้
โดยผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้อบิดเกร็งที่บริเวณอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง หลายส่วน หรือทุกส่วนของร่างกายซ้ำ ๆ
จนส่งผลให้อวัยวะของกล้ามเนื้อมัดนั้นผิดรูปไปได้ ทั้งอาจก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้อาจมาจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม ความผิดปกติของสมอง สารพิษ
โรคหรืออาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในระยะยาว
และยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้
 
อาการของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ภาวะ Dystonia อาจเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัย โดยผู้ป่วยภาวะนี้อาจมีอาการกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
หรือเป็นตะคริวที่บริเวณอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายอย่างควบคุมไม่ได้ เช่น คอ มือ ขา เปลือกตา ขากรรไกร
ลิ้น กล่องเสียง และเส้นเสียง เป็นต้น โดยอาจเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือมากกว่านั้น
ซึ่งอาจมีความรุนแรงน้อยจนไปถึงรุนแรงมากและมักพัฒนาขึ้นตามระยะ
ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการที่สามารถสังเกตได้ ดังนี้
 
- มีอาการสั่น
- ควบคุมการกะพริบตาไม่ได้ ตากระตุก และตาแห้ง
- คอบิดเกร็งไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
- พูดลำบาก น้ำลายไหล พบปัญหาในการเคี้ยว และการกลืน
- เสียงพูดเบาลงจนคล้ายเสียงกระซิบ
- เดินลากขา หรือเป็นตะคริวที่เท้า
- ปลายเท้าบิดเข้าด้านใน
- เป็นตะคริวที่มือหรือปลายแขนเมื่อทำกิจกรรมที่ต้องใช้มืออย่างการเขียนหนังสือ
   หรือการเล่นดนตรี
 
ทั้งนี้ อาการของ Dystonia อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรืออาจมีอาการเป็นพัก ๆ แล้วหาย
โดยอาการดังกล่าวอาจรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ป่วยรู้สึกเครียด วิตกกังวล หรืออ่อนเพลีย
และอาจเห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
 
สาเหตุของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
แม้ในปัจจุบันทางการแพทย์จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของ Dystonia
แต่มีข้อสันนิษฐานว่าภาวะนี้อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้
 
- ความผิดปกติของระบบประสาทบริเวณส่วนต่าง ๆ ของสมอง
- ความผิดปกติของสมองส่วนเบซัลแกงเกลีย (Basal Gangilia) ซึ่งมีผลต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- การขาดออกซิเจน
- ปฏิกิริยาตอบสนองต่อการใช้ยาบางชนิด
- การได้รับสารพิษบางชนิดอย่างก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ และโลหะหนักอย่างตะกั่ว
- การติดเชื้อบางชนิด เช่น วัณโรค และโรคไข้สมองอักเสบ เป็นต้น
- โรคหรือการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคพาร์กินสัน โรคฮันติงตัน โรควิลสัน
  ภาวะสมองบาดเจ็บ การบาดเจ็บจากการคลอด โรคสมองพิการ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
  เนื้องอกในสมอง และกลุ่มอาการที่เป็นผลจากโรคมะเร็ง เป็นต้น
 
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
ภาวะ Dystonia อาจส่งผลต่อร่างกายของผู้ป่วยอย่างมากจนอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงาน
หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันลดลงได้ ผู้ที่ประสบภาวะนี้อาจพบปัญหาในการมองเห็น
การพูด การกลืน และการเคลื่อนไหวบริเวณขากรรไกร ทั้งอาจมีอาการปวดหรืออ่อนเพลีย
จากการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้ป่วย
โดยผู้ป่วยอาจเก็บตัวหรือแยกตัวออกจากสังคม และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
 
การป้องกันภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เพื่อป้องกันโรคหรือภาวะต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะนี้
- ระมัดระวังอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บที่สมอง
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจเสี่ยงต่อการได้รับสารพิษบางชนิดอย่างก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์
   และโลหะหนักอย่างตะกั่ว
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ไม่จำเป็น เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดภาวะนี้ได้
- รีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการใด ๆ ที่เป็นสัญญาณของภาวะนี้
 
คัดลอกข้อมูลบางส่วนและภาพจาก : https://www.pobpad.com/ภาวะกล้ามเนื้อบิดเกร็ง
 

 
CALL CENTER : 084-467-7810
E-mail : ceo424d@hotmail.com
 
 
กาแฟคอลลาเจน , กาแฟลดน้ำหนัก , บอนแบค , bonboack
บริษัท ไก่ดำมหากิจ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ 10540
บริษัท ไดนาฟูด จำกัด , อาหารเพื่อสุขภาพ , เอเซียโอสถ 2 , นางเบญญาภา โกมลกิติกุล , ผลิตอาการเสริม , ยาแผนโบราณ
, เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ , ขนมอัดเม็ด , อาหารสำเร็จรูป , daina food , M one , เอ็ม วัน , 12-2-00129-1-0233 ,
M 1 , M.1 (DIETARY SUPPLEMENT PRODUCT) , เอ็ม.วัน (ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร)
| หน้าแรก | ผลิตภัณฑ์ | ข้อมูลวิชาการ | วิธีการสั่งซื้อ - ชำระเงิน | วิธีการรับจ้างผลิตสินค้า | ติดต่อผู้ผลิต | กิจกรรมงานบุญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อผู้แทนจำหน่าย |
 
aaa