aaa
 
หน้าแรก | ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมงานบุญ | ติดต่อกับผู้ผลิต | 
ค้นหาผลิตภัณฑ์  
 
 
 
 
 
 
เครื่องดื่มชนิดผงพร้อมชง
และเครื่องดื่มชนิดน้ำพร้อมดื่ม
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ทั้งชนิดน้ำพร้อมดื่ม และชนิดแคปซูล บรรจุแผง / ขวด
 
 
 
 
 
ข้าวกล้องเพาะงอกเบญจกระยาทิพย์
ที่มาของกาแฟ
กระดูกอ่อนฉลามและคอลลาเจน
ที่มาของรังนก
INS 401 คืออะไร
คารายากัม คืออะไร
งานวิจัยซุปไก่สกัด
กลูตาไธโอนคืออะไร
ความเป็นมาของกำลังช้างสาร
สรรพคุณของโชวู
Coenzyme Q10 คืออะไร
โสมกับสุขภาพ
ประโยชน์ของตังถั่งเช่า
สรรพคุณของจับเลี้ยง
ความเป็นมาของทุเรียน
ความเป็นมาของเห็ดหลินจือ
ความเป็นมาของเห็ดไมตาเกะ
ความเป็นมาของตังกุย
ประโยชน์ของเห็ดจีซง
ถาม - ตอบ เรื่องเอนไซม์
ประวัติของโรคเบาหวาน
ความเป็นมาของน้ำมันมะพร้าว
ประโยชน์ของเขากวางอ่อน
ประโยชน์ของผลส้มแขก
ประโยชน์ของจันทน์เทศ
ประโยชน์ของชาใบหม่อน
คุณค่าของมะรุม
ความเป็นมาของผลหม่อน
ประโยชน์ของเมล็ดองุ่นแดง
สรรพคุณของดอกคำฝอย
สรรพคุณของไข่มุก
สรรพคุณของโกฐหัวบัว
สรรพคุณของโกฐเขมา
สรรพคุณของอึ้งคี้หรือปักคี้
สรรพคุณของกำลังวัวเถลิง
สรรพคุณของกำลังหนุมาน
สรรพคุณของกระชายดำ
สรรพคุณของแปะก๊วย
ประโยชน์ของม้าน้ำ
ความเป็นมาของผักชีลาว
สรรพคุณของดอกอัญชัน
สรรพคุณของดอกทองพันชั่ง
สรรพคุณของว่านหางจระเข้
สรรพคุณของใบบัวบก
สรรพคุณของนมผึ้ง
สรรพคุณของต้นไหลเผือก
สรรพคุณของพลูคาว
ความเป็นมาขององุ่น
สรรพคุณของมังคุด
สรรพคุณของหัวไชเท้า
คุณสมบัติของต้น Wicth Hazal
 
 
 
 
 
 
เครื่องดื่มชนิดผงพร้อมชง
และเครื่องดื่มชนิดน้ำพร้อมดื่ม
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งชนิดน้ำ
พร้อมดื่ม และชนิดแคปซูล
บรรจุแผง / ขวด
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ไทยรัฐ
ข่าวสด
เดลินิวส
มติชน
สยามธุรกิจ
บ้านเมือง
แนวหน้า
กรุงเทพธุรกิจ
โพสต์ทูเดย
 
 
 
 
 
 
นฬปานชาดก
ตโยธัมมชาดก
วัณณุปถชาดก
ติตติรชาดก
วานรินทชาดก
มหิฬามุขชาดก
มหาอุกกุสชาดก
ติปัลลัตถมิคชาดก
มหาวาณิชชาดก
พระจูฬปันถกเถระ
พกชาดก
มุณิกชาดก
 
 
 
 

 
 
คุณค่าของมะรุม
มะรุม จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์เอนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร ยาและอุตสาหกรรม
เป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน อาจจะเติบโตมีความสูงถึง 4 เมตรและออกดอก
ภายในปีแรกที่ปลูก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่แตกใบย่อย 3 ชั้น ยาว 20 - 40 ซม.
ออกเรียงแบบสลับ ใบย่อยยาว 1 - 3 ซม. รูปไข่ ปลายใบและฐานใบมน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่า
และมีขนเล็กน้อยขณะที่ใบยังอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว บางพันธุ์ออกดอกหลายครั้ง
ในรอบปี ดอกเป็นดอกช่อ สีขาว กลีบเรียง มี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม หวาน
มันเล็กน้อย ผลเป็นฝักยาว เปลือกสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมน เป็นระยะ ๆ ตามยาวของฝัก
ฝักยาว 20 - 50 ซม. ฝักมีรสหวาน เมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปีกบางหุ้ม 3 ปีก
เส้นผ่าศูนย์กลางของเมล็ดประมาณ 1 ซม.
 
สรรพคุณของมะรุม
มะรุมในทางการแพทย์จะช่วยใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ควบคุม
ภาวะความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
- ใบ : ใช้ถอนพิษไข้ แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ แก้แผล ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ ป้องกันมะเร็ง
          ลดความดันโลหิต
- ยอดอ่อน : ใช้ถอนพิษไข้
- ดอก : ใช้แก้ไข้หัวลม เป็นยาบำรุง ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ป้องกันมะเร็ง
- ฝัก : แก้ไข้ ป้องกันมะเร็ง ลดความดันโลหิต
- เมล็ด : เมล็ดปรุงเป็นยาแก้ไข้ แก้บวม แก้ปวดตามข้อ ป้องกันมะเร็ง
- ราก : รสเผ็ด หวาน ขม สรรพคุณ แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ รักษาโรคหัวใจ
            รักษาโรคไขข้อ (rheumatism)
- เปลือกลำต้น : รสร้อน สรรพคุณขับลมในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อน ๆ แก้ลมอัมพาต
                       ป้องกันมะเร็ง คุมกำเนิด เคี้ยวกินช่วยย่อยอาหาร
- ยาง : (gum) ฆ่าเชื้อไทฟอยด์ ซิฟิลิส (syphilis) แก้ปวดฟัน earache, asthma
 
คุณประโยชน์อื่น
- ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ
   และตาบอดได้เป็นอย่างดี
- ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์
  เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อHIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง
  ยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
- ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะ ควบคุมได้
- ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง แต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษา
  พยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้
  ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน
- หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้น
  และมีร่างกายที่แข็งแรง
- ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊าท์ โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม
- รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น
  หากรับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที่สมบูรณ์
- รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง ท้องเสีย ท้องผูก โรคพยาธิในลำไส้
- รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ
- มะรุมเป็นยาปฏิชีวนะ
 
ี่มาของข้อมูล : http://th.wikipedia.org โดย Search คำว่า มะรุม
 

 
มะเร็งกระดูก
 
มะเร็งกระดูก (Bone Cancer) คือ เซลล์มะเร็งที่เริ่มก่อตัวบริเวณกระดูกตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายซึ่งเรียกว่า
โรคมะเร็งกระดูกชนิดปฐมภูมิ และเซลล์มะเร็งที่มีต้นกำเนิดจากอวัยวะอื่นแล้วแพร่กระจาย
ไปยังกระดูกซึ่งเรียกว่าโรคมะเร็งกระดูกชนิดทุติยภูมิ โดยชนิดปฐมภูมินั้นพบได้ไม่บ่อยนัก
มักเกิดขึ้นในกระดูกที่มีลักษณะเป็นแนวยาว เช่น กระดูกแขนหรือกระดูกขา
โดยมีอาการเจ็บหรือบวมแดงที่บริเวณนั้น ๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกโรค
 
อาการมะเร็งกระดูก
มะเร็งกระดูกอาจเกิดขึ้นที่กระดูกบริเวณใดก็ได้ แต่ส่วนมากมักเกิดกับกระดูกแนวยาวอย่างแขนส่วนบนหรือขา
อาการของโรคที่พบได้บ่อยที่สุดคืออาการเจ็บกระดูก ซึ่งมักเริ่มจากอาการคล้ายฟกช้ำบริเวณกระดูก
ที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็ง หลังจากนั้นจะเริ่มเจ็บอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหรือเจ็บเป็นพัก ๆ
มักเกิดขึ้นในตอนกลางคืนหรือขณะนั่งพัก ทั้งนี้อาการเจ็บปวดดังกล่าวอาจทำให้สับสนกับโรคข้ออักเสบในผู้ใหญ่
และอาการปวดจากการเจริญเติบโตของร่างกายในส่วนกระดูกและข้อของเด็กได้
 
นอกจากอาการเจ็บแล้วยังอาจพบอาการบวมแดงจากการอักเสบ หรือสังเกตได้ถึงก้อนบวมรอบบริเวณดังกล่าว
ซึ่งหากเป็นกระดูกที่อยู่ใกล้ข้อต่อ อาการบวมที่เกิดขึ้นอาจทำให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ยาก ในผู้ป่วยบางราย
มะเร็งอาจส่งผลให้กระดูกอ่อนแอลงจนแตกหักได้ง่ายเพียงหกล้มหรือได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
 
สาเหตุของมะเร็งกระดูก
สาเหตุของเซลล์มะเร็งที่ก่อตัวขึ้นบริเวณกระดูกหรือมะเร็งกระดูกชนิดปฐมภูมินั้นยังไม่ชัดเจน
แต่ปัจจุบันทางการแพทย์พบว่าปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระดูกชนิดปฐมภูมิมีดังนี้
- การรักษาโดยการใช้รังสี กระบวนการรักษาโรคอื่น ๆ ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญกับรังสีมาก ๆ
   อาจทำให้เซลล์มะเร็งพัฒนาขึ้นในเซลล์กระดูกได้
- เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น โรค Paget’s Disease of The Bone ซึ่งเป็นโรคความผิดปกติของพัฒนาการในเซลล์กระดูก
   เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระดูกในผู้ที่มีอายุ 50-60 ปี รวมถึงเนื้องอกในกระดูกอย่างโรค Ollier's disease
   ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระดูกเช่นกัน
- พันธุกรรม โรคทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากบรรพบุรุษนับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระดูก
  เช่น โรคมะเร็งจอประสาทตาในเด็ก (Retinoblastoma) ความผิดปกติทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก
  อย่างกลุ่มอาการ Li-Fraumeni ที่นอกจากเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระดูกแล้วยังเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดอื่น ๆ อีกด้วย
 
มะเร็งกระดูกชนิดทุติยภูมิซึ่งเป็นชนิดที่เซลล์มะเร็งไม่ได้เริ่มก่อตัวที่บริเวณกระดูกแต่เกิดจากการแพร่กระจาย
ของมะเร็งจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มายังกระดูก เช่น มะเร็งเต้านมในระยะรุนแรงอาจทำให้เซลล์มะเร็งกระจายมาที่กระดูกได้
 
ภาวะแทรกซ้อนของมะเร็งกระดูก
- อาการปวด มักเกิดขึ้นบริเวณที่มะเร็งก่อตัวขึ้น ทำให้มีอาการเจ็บเป็นพัก ๆ ในช่วงแรก และค่อย ๆ   
   รุนแรงขึ้นในเวลาต่อมาหรือเมื่อทำกิจกรรมใด ๆ
- กระดูกแตกหัก พบได้บ่อยรองลงมาจากอาการปวด เนื่องจากกระดูกที่มีเซลล์มะเร็งมักอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
   และง่ายต่อการแตกหักเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือมีแรงกระทบ ผู้ป่วยที่มีอาการแทรกซ้อนจากมะเร็งกระดูก
   ชนิดนี้มักเผชิญอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง บริเวณที่เกิดเซลล์มะเร็ง ก่อนจะตามมาด้วยการแตกหรือหักของกระดูก
- ระดับแคลเซียมในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลให้กระดูกอ่อนแอลง ท้องผูกหรือเกิดนิ่วในไตตามมา
   รวมทั้งกระทบต่อการทำงานของหัวใจและสมองจนเกิดอาการสับสน มึนงง และอ่อนเพลีย
- กระดูกอักเสบ ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งกระดูกอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อและอักเสบของกระดูก
   ส่งผลให้มีอาการหนาวสั่น เป็นไข้ มีอาการเจ็บ หรือเป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตตามมาหากไม่ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
- การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกายผ่านกระแสเลือด
   หรือระบบน้ำเหลืองที่เป็นกลไก ป้องกันของร่างกาย โดยอวัยวะที่พบการแพร่กระจายของมะเร็งมากที่สุดก็คือปอด
 
การป้องกันมะเร็งกระดูก
เนื่องจากในปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดมะเร็งกระดูก
จึงยังไม่มีวิธีป้องกันที่ยืนยันได้ว่าจะสามารถช่วยป้องกันโรคนี้ได้ผล
 
คัดลอกข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.pobpad.com/มะเร็งกระดูก
 

 
โรครูมาติซั่ม หรือโรครูมาตอยด์
 
คำว่า “รูมาติสซั่ม” เป็นศัพท์โบราณที่แพทย์เคยใช้เรียกกัน เป็นคำทับศัพท์มาจากภาษาอังกฤษว่า “rheumatism”
(ที่ถูกควรออกเสียงว่า “รูมาติสซั่ม” มากกว่า “รูมาติสซั่ม”) ความหมายประการแรกก็คือ อาการปวดตามข้อหรือกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น
จะด้วยสาเหตุอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ก็เรียกรวม ๆ ว่า “รูมาติสซั่ม” ไปหมด ไม่ได้เจาะจงถึงโรคหนึ่งโรคใดโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นข้อแพลง
ข้ออักเสบ ยอกกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นอักเสบ ก็จัดว่าเป็น “โรครูมาติสซั่ม” ได้หมด ดังนั้น คำ ๆ นี้จึงมีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า “ปวดหัว”
“ตัวร้อน” ซึ่งเพียงแสดงถึงลักษณะอาการของโรคต่าง ๆ ไม่ได้หมายถึงโรคนั้นโรคนี้แต่อย่างใด
 
แต่เนื่องจากอาการปวดข้อมักจะมีสาเหตุมาจากโรคข้ออักเสบเรื้อรังอยู่หลายชนิด ที่พบบ่อยก็คือ โรคข้อเสื่อม
ซึ่งเกิดจากผิวข้อต่อสึกกร่อนตามวัย พบมากที่ข้อต่อและข้อกระดูกสันหลัง ซึ่งภาษาชาวบ้านนิยมเรียกว่า “โรคไขข้อแห้ง”
โรคนี้ถือเป็นภาวะเสื่อม สลายตามสังขารตามวัย จึงพบว่าเป็นกันมากในหมู่คนสูงอายุ และยังไม่มียาที่ใช้รักษาโดยตรง
ดีไม่ดีคนไข้นิยมซื้อยาแก้ปวดกินเอง จนกลายเป็นโรคกระเพาะหรือกระเพาะเป็นแผลทะลุ เสี่ยงต่ออันตรายไป
 
โรครูมาตอยด์ เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่มีลักษณะเด่นคือ มีการเจริญงอกงามของเยื่อบุข้ออย่างมาก
เยื่อบุข้อนี้จะลุกลามและทำลายกระดูกและข้อในที่สุด โรคนี้มิได้เป็นแต่เฉพาะข้อเท่านั้น ยังอาจมีอาการทางระบบอื่น ๆ อีก
เช่น ตา ประสาท กล้ามเนื้อ เป็นต้น
 
ผู้ใดบ้างที่เป็นโรครูมาตอยด์
โรครูมาตอยด์สามารถเป็นได้กับทุกกลุ่มอายุตั้งแต่เด็กจนถึงวัยชรา แต่ส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยวัยกลางคน
และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
 
สาเหตุของโรครูมาตอยด์
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่เป็นที่ทราบแน่นอน แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม การมีฟันผุ การสูบบุหรี่
 
อาการของโรครูมาตอยด์
ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดข้อ ข้อบวม และเคลื่อนไหวข้อลำบาก จะเป็นมากที่สุดช่วงตื่นนอนเช้า
และอาจมีอาการอยู่ 1-2 ชั่วโมงหรือทั้งวันก็ได้ ลักษณะอาการปวดข้อ ช่วงเช้านี้เป็นลักษณะสำคัญของโรครูมาตอยด์
ซึ่งต่างจากโรคไขข้ออื่นๆ ตำแหน่งของข้อที่มีอาการปวดมากที่สุด มักจะเป็นที่มือและเท้า แต่มีโอกาสปวดข้อตำแหน่งอื่นได้
นอกจากอาการทางข้อแล้ว ผู้ป่วยโรครูมาตอยด์อาจมีอาการต่อไปนี้ได้ เช่น อ่อนเพลีย ไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร ตาแห้ง
คอแห้งผิดปกติ พบก้อนใต้ผิวหนัง บริเวณข้อศอกและข้อนิ้วมือ ในรายที่ได้รับการรักษาล่าช้าอาจเกิดการทำลายข้อถาวร
ทำให้ข้อพิการผิดรูปได้
 
การรักษา
- การใช้ยา ในปัจจุบันมียามากมายที่ใช้ในการควบคุมและรักษาโรครูมาตอยด์ให้ได้ผลดี
  ยาเหล่านี้ได้แก่ยารักษารูมาตอยด์โดยเฉพาะยาที่ปรับเปลี่ยนการดำเนินโรคสารชีวภาพ
   และยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
- การพักผ่อนและการบริหารร่างกาย
- การป้องกันไม่ให้ข้อถูกทำลายมากขึ้น เป็นสิ่งสำคัญ
- การผ่าตัด จะมีบทบาทในการรักษาโรครูมาตอยด์ในกรณีที่ข้อถูกทำลายไปมากแล้ว
 
คัดลอกข้อมูลบางส่วน และเรียบเรียงจาก : https://www.doctor.or.th/article/detail/6451
                                                            โดย นักเขียนหมอชาวบ้าน "ภาษิต ประชาเวช"
คัดลอกข้อมูลบางส่วน และเรียบเรียงจาก : https://www.bangkokhospital.com/th/Arthritis-Rheumatic_tab
                                                            โรงพยาบาลกรุงเทพ
 
 

 
| หน้าแรก | ผลิตภัณฑ์ | ข้อมูลวิชาการ | วิธีการสั่งซื้อ - ชำระเงิน | วิธีการรับจ้างผลิตสินค้า | ติดต่อผู้ผลิต | กิจกรรมงานบุญ | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อผู้แทนจำหน่าย |
 
aaa